วันศุกร์ที่ 10 กรกฎาคม พ.ศ. 2552

Urban Corset

0 ความคิดเห็น
Urban Corset
Brussels ,Belgium

กรุงบรัสเซลส์ เป็นเมืองซับซ้อน การปะทะกันของความสวยงามและความรกร้าง ในโครงสร้างผังเมืองที่แตกต่างกันอย่างสุดขั้วของย่าน Porte de Namur โดย VINCENT CALLEBAUT มองคล้ายกับมันเป็น experimental playground ในเมือง เพราะมันมีความฉาบฉวยและการเปลี่ยนแปลงแบบผิดปกติ

คอนเซ็ปต์ของ Urban Corset จึงเป็นแนวความคิดเชิงทดลองทางสถาปัตยกรรมที่สร้างแลนด์สเคปใหม่ที่คาบเกี่ยวอยู่ตรงกลางระหว่างขั้วตรงข้ามต่าง ๆ ทั้งหมดของเมือง ด้วยการสร้างสเปซที่เป็นตัวกลางในการปรับปรุงผังเมืองอย่างมีแบบแผน รวมไปถึงการปรับแต่งและจัดระเบียบความเป็นไปของเมืองให้มีลำดับขั้นใหม่ๆ และไม่ใช่เพียงในแนวราบเท่านั้น ความสัมพันธ์กับพื้นที่ในแนวตั้งก็ถูกรวมเข้าไว้ในการดีไซน์ด้วย

แนวความคิดหลัก 4 อย่างในการสร้าง ubran Corset ของ Vincent อันดับแรกคือต้องเคลียร์ถนนด้วยการสร้างอุโมงค์ขนาดใหญ่ให้รถลงไปวิ่งใต้ดินของย่าน Porte de Namur ทั้งหมด สองต้องควบรวมชุมชน เมื่อรถไปวิ่งใต้ดิน ทำให้เกิดเป็นจัตุรัสสำหรับให้ผู้คนได้พบปะกันได้ สามต้องสร้างสเปซใหม่ โมดูลใหม่ และความยืดหยุ่นของสเปซสำหรับพักอาศัยตรงบริเวณกลางถนน โดยให้โครงสร้างใหม่นี้เกาะอยู่บนหลังคาของตัวเมืองอีกที สุดท้ายทุกอย่างก็เชื่อมโยงเข้าด้วยกัน ภายใต้หลังคาสีแดงและทองที่เหมือน Unban Roof และใช้เป็นแผงโซ่ล่าเซลล์เพื่อกักเก็บพลังงานแสงอาทิตย์เพื่อเปลี่ยนเป็นพลังงานไฟฟ้าและพลังงานความร้อนให้กับเมืองอีกด้วย แนวคิดล้ำหน้าแบบนี้ของ Vincent Callebaut สถาปนิกคิดเยอะ คงจะทยอยออกมาให้เราดูกันอีกเพียบอย่างแน่นอน


วันอาทิตย์ที่ 5 กรกฎาคม พ.ศ. 2552

Ecomic

0 ความคิดเห็น
Ecomic (Ecological and Metropolitan Infographic Center)
Mexico City ,Mexico



VINCENT CALLEBAUT นำเสนอแนวคิดทางสถาปัตยกรรมบนพื้นที่ประวัติศาสตร์ที่ถูกขนานนามว่า ‘The land of Tree-Culture” อย่างย่าน Tlateloco ในเม็กซิโกซิตี้ให้เป็นที่ตั้งของอาคาร Ecomic (Ecological and Metropolitan Infographic Center)ขึ้นท่ามกลางซากปรักหักพังของฐานพีระมิด Aztec ด้วยสิ่งก่อสร้างอันหลากหลายทางวัฒนธรรมในแต่ละช่วงเวลา ไม่ว่าโบสถ์ Santiago หรือ สถานทูตของหลายประเทศที่รายล้อมอยู่ ฉุดให้ย้อนคิดถึงความขัดแย้งในอดีตระหว่างชาว Conquistadors และ Aztecs ที่เกิดการสู้รบอย่างรุนแรงในดินแดนนี้ โดยเฉพาะการสังหารหมู่ในยุคโบราณที่รู้จักกันในนาม Massacre of Tlateloco ประเด็นนี้ถูกนักศึกษาจากฝรั่งเศส เยอรมัน และเซ็กโกสโลวาเกียนำมาสะสาง ด้วยการผลักดันให้เกิดการศึกษาตีความห้วงเวลาการเปลี่ยนแปลงในยุคก่อนละตินอเมริกา ยุคล่าอาณานิคม ไปจนถึงยูโธเปียของยุคโมเดิร์น กลายมาเป็นที่มาของ Ecomic ที่แต่เดิม Mario Pani สถาปนิกชาวเม็กซิกันกันเคยเสนอแนวคิดไว้ตั้งแต่ช่วงยุค 60 วันนี้ VINCENT CALLEBAUT เลยหยิบยกขึ้นมาเป็นคอนเซ็ปต์เพื่อสร้างสถาปัตยกรรมที่เป็นตัวแทนของการกำเนิดใหม่ อิสรภาพ และความทันสมัย


เป้าหมายหลักของ Ecomic คือการเชื่อมโยงสเปซที่กว้างใหญ่ให้เข้าถึงกันด้วย Ecological Green Tower และสัมพันธ์กับพื้นที่ทางโบราณสถานในเวลาเดียวกัน ด้วยโครงสร้างแบบกระดูกสันหลังของอาคารที่เป็นทั้งทางสัญจรด้วย ทำให้กล่องและสวนลอยฟ้ารอบอาคารอัดแน่นด้วยฟังก์ชันพิพิธภัณฑ์ แต่ละสเปซมีมุมองออกมาได้อย่างอิสระในแต่ละยูนิต จอภาพกราฟิก (Scenography) รวมอยู่ในโครงสร้างและเปลือกอาคาร เพื่อนำเสนอข้อมูล Infographic ทั้งในส่วนภายในและภายนอกอาคาร สภาปัตยกรรมที่ทันสมัยและสนใจสิ่งแวดล้อมแห่งนี้ คงบ่งบอกความเคลื่อนไหวในประเด็นของระบบนิเวศน์และมุมมองการพัฒนาในอนาคตของเม็กซิโกได้อย่างดี

รูปภาพจาก : http://vincent.callebaut.org/page1-img-mexico.html

วันเสาร์ที่ 4 กรกฎาคม พ.ศ. 2552

ANTI-SMOG

1 ความคิดเห็น

เป็นโปรเจ็คต์ Innovation Center แห่งมหานครปารีส ตัวโครงการ ANTI-SMOG เป็นอาคารที่เซ็ตขึ้นบนโครงสร้างของเมืองยุคหลังอุตสาหกรรมแห่ง Petite Ceinture อันเป็นการอุทิศเพื่อโปรโมทนวัตกรรมล่าสุดบนฐานความคิดของการพัฒนาเมืองแบบยั่งยืน ด้วยธีมที่จัดสรรสำหรับการอยู่อาศัยและระบบขนส่ง อันเป็นภารกิจในการปรับเปลี่ยนสู่รูปแบบพลังงานที่ไม่มีวันหมดเพื่อต่อกรกับควันพิษของชาวปารีส โดยคำว่า Smog นั้นเป็นคำที่มาจาก “Smoke” บวกกับ “Fog” ซึ่งหมายถึงกลุ่มควันเหนือนครปารีสนั่นเอง
ดังนั้น Anti-Smog จึงเป็นต้นแบบของระบบนิเวศน์ที่อยู่ได้โดยตัวมันเองบนเส้นสายของโครงสร้างผังเมือง Euclidean ในระนาบ 3 มิติ คือแกน x , y และ z โดยบนแกน x จะมีคลอง de I’Ourcg เป็นตัวนำ ส่วนแกน y จะเป็นสะพานรางรถไฟอันเก่าแก่สาย Petite Ceinture และแกน z ก็คือ ย่านโรงงานหนาแน่นทั้งสามแกนก่อกำเนิดเกิดเป็นอาคารเกาะเกี่ยวเข้าไปในใจกลางเมือง นั้นเป็นองค์ประกอบอันโดดเด่นของสองพิพิธภัณฑ์ที่แตกต่างกันอย่างเห็นได้ชัด พร้อมกับผลพวงในการเพิ่มศักยภาพด้านพลังงาน ซึ่งก็หมายความว่าอาคารหลังนี้จะผลิตพลังงานมากกว่าแค่ผู้ใช้แต่เพียงฝ่ายเดียว ด้านหนึ่งจะเป็นตัวอาคารที่เกาะอยู่บนโครงสร้างสะพานคู่ขนานเหนือรางรถไฟ อาคารนี้ติดตั้งอุปกรณ์รับพลังงานแสงอาทิตย์ (Solar Drop) ซึ่งอยู่บนหลังคา ส่วนอีกด้านจะเป็นหอคอยอากาศ (Winds Tower) ที่มีโครงสร้างขดเกลียวอย่างต่อเนื่องด้วยทางลาด ห่อหุ่มด้วยเครื่องยนต์กลไลที่ติดตั้งในแนวดิ่งแสดงออกถึงความเป็นสวนอันอิสระแห่งอนาคตเหนือพื้นผิวน้ำ


 

Green Architecture Copyright © 2008 Black Brown Art Template by Ipiet's Blogger Template